วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประเภทของการนวดไทย

ประเภทของการนวดไทย

ประเภทของการนวดไทย มี ๒ ประเภท คือ
๑. การนวดแบบทั่วไป (แบบเชลยศักดิ์)
ปัจจุบัน มีการเรียนการสอนการนวดแบบทั่วไปตามสถาบันการศึกษาโดยผู้เรียนสามารถสมัคร เรียนได้โดยตรง โดยไม่มีการสอนคัดเลือก อัตราค่าเรียนขึ้นอยู่กับสถานศึกษาจะกำหนด ซึ่งจะมีทั้งหลักสูตรระยะสั้นและระยะยาว อาจเรียนเฉพาระวันหยุดราชการหรือทุกวันตามแต่จะตกลงกัน การเรียนการสอนโดยทั่วไปเป็นการสอนตัวต่อตัวกับครูหรือศิษย์รุ่นพี่ โดยใช้การสาธิตและฝึกปฏิบัติ เนื้อหาการเรียนการสอนมักเป็นการเล่าประสบการณ์ของครูและสอนกายวิภาคศาสตร์ แแบโบราณบ้าง พร้อมทั้งอบรมจริยธรรมโดยถือ หลักศีลธรรมเป็นสำคัญ สำหรับการเริ่มต้นเรียนอาจไม่พร้อมกัน แต่เมื่อครบกำหนดการเรียนของศิษย์ ครูผู้สอนจะทดสอบผลการเรียนด้วยตนเองโดยให้ศิษย์ทดลองนวดครู หากทำได้ดี ถูกต้อง ครูจะออกใบรับรองให้ ถ้ายังทำได้ไม่ดี ไม่ถูกต้อง ก็จะให้เรียนและฝึกหัดเพิ่มเติมต่อไป
๒. การนวดแบบราชสำนัก
มีการ เรียนการสอนสืบต่อกันมาเช่นเดียวกับการนวดแบบทั่วไป แต่อาจารย์ผู้สอนจะเลือกศิษย์จากผู้สมัครเข้าเรียนตั้งแต่การสัมภาษณ์ เพื่อศึกษาภูมิหลังของผู้ที่จะมาเป็นศิษย์ ดูนิสัยใจคอ รูปร่าง ท่าทาง ว่าพอที่จะเรียนได้หรือไม่ ถ้าเห็นว่าจะเรียนไปไม่ได้ตลอดก็จะไม่รับเสียแต่แรก แต่หากไม่แน่ใจก็จะให้ผู้สมัครทดลองฝึกฝนกำลังกายไปพลางๆ ก่อน ถ้าผู้เรียนขาดความอดทน ก็จะเลิกรากันเอง ส่วนผู้ที่ผ่านการทดสอบแล้ว ครูจะดำเนินการสอนเป็นขั้นตอนต่อไป วิธีการสอนจะใช้การสาธิต ฝึกปฏิบัติ พร้อมกับทดสอบผลการเรียนเช่นกัน เนื้อหาวิชาจะเริ่มตั้งแต่จรรยามารยาทในการเข้าหาผู้ป่วย หลักการนวดเบื้องต้นทั้งตัว กายวิภาคศาสตร์แบบโบราณ การวางมือในการนวดที่ตำแหน่งต่างๆ การใช้แรงในการนวด และระยะเวลาในการกด-ปล่อยมือที่นวด ความเหมาะสมกับตำแหน่งและโรคที่จะรักษา รวมทั้งประสบการณของครูจะเป็นสาระสำคัญนอกจากนี้ต้องไม่ทำการนวดคนไข้ที่มี แพทย์เจ้าของไข้อยู่แล้ว เพราะเป็นการก้าวก่ายกัน และไม่ทำการนวดในสถานที่อโคจรอื่นๆ เช่น โรงแรม โรงน้ำชา สถานเริงรมย์ บ่อนการพนัน ฯลฯ แต่อาจไปนวดที่บ้านผู้ป่วยได้หากมีความจำเป็น แต่นิยมมากที่สุดคือ นวดที่บ้านของหมอเอง

สำหรับการสอนการนวดไทยสายราชสำนัก มี ๔ ขั้นตอนคือ
๑. การนวดพื้นฐาน
๒. การกดจุด
๓. ทฤษฎีและการรักษาโรค
๔. การใช้วิธีนวด เทคนิค
เมื่อ มีการเรียนการสอนภาคทฤษฎี ต้องมีการฝึกปฏิบัติเพื่อให้นักศึกษาตรวจและรักษาโรค แต่หลักสูตรจะกล่าวถึงหลักพื้นฐานเป็นส่วนใหญ่ ขั้นตอนต่อๆไปคงต้องจัดอบรมในระยะต่อๆไปการเรียนการสอนนวดแบบราชสำนักนี้ ผู้เรียนจะต้องฝึกฝนจนมีฝีมือ เข้าใจหลักและวิธีการนวด การแต่งรสมือ และการรักษาโรคต่างๆ อาจต้องใช้เวลานาน ๓ - ๕ ปี ติดต่อกัน (แล้วแต่สติปัญญา ไหวพริบ และความสามารถของผู้เรียน) แล้วครูจะให้ผู้เรียนทำการนวดผู้ป่วยในสำนักของครู โดยครูจะเป็นผู้ตรวจและสั่งงาน เป็นการนวดภายใต้การดูแลของครู หากมีข้อบกพร่อง ครูจะคอยแนะนำแก้ไข ระยะเวลาช่วงนี้อาจใช้เวลาเป็นปี จนครูแน่ใจว่าศิษย์มีความรู้ความสามารถและมีจรรยาพอที่จะรักษาผู้ป่วยได้ สำหรับศิษย์ที่จะทำการสอนนักเรียนใหม่ได้ จะต้องได้รับอนุญาตจากครูเสียก่อน ซึ่งจะประกาศในพิธีไหว้ครูประจำปี จะทำการสอยเองโดยพลการไม่ได้ ถือว่าผิดจรรยาและไม่เคารพครู แต่ในขณะนี้มีการเรียนการสอนที่โรงเรียนอายุรเวท ซ. ราชครู กรุงเทพฯ ,สถาบันบรมราชชนก, สถาบันราชมงคล ปทุมธานี มหาวิทยาลัยมหาสารคามและสถาบันอื่นๆ อีก ซึ่งถือว่าเป็นการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพ และทำให้วิชานี้ได้รับการยอมรับสูงขึ้น โดยไม่ยึดติดกับตัวบุคคล และผูกขากความชอบธรรมแต่เพียงผู้เดียว และจะต้องไปสอบขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะก่อน จึงจะสามารถเปิดสถานพยาบาลได้ถูกต้องตามกฎหมาย

การแพทย์แผนไทย

การแพทย์แผนไทย

การแพทย์แผนไทย
ประวัติ การแพทย์แผนโบราณเริ่มมีการบันทึกไว้ตั้งแต่ในสมัยพุทธกาล มีชายผู้หนึ่งชื่อชีวกโกมารภัจจ์มีความสนใจในการศึกษาวิชาแพทย์ เป็นวิชาที่ประกอบอาชีพไม่เบียดเบียนผู้ใด เป็นผู้ปฏิบัติประกอบด้วยเมตตากรุณาเกื้อกูลแก่ความสุขของมนุษย์ จึงได้ศึกษาวิชาแพทย์ในสำนักแพทย์ผู้ทิศาปาโมกข์ในเมืองตักศิลา ท่านเป็นผู้ที่ฉลาด สามารถในการศึกษา เรียนได้มาก เรียนได้เร็ว ทรงจำได้เร็ว ทรงจำได้ดี ไม่หลงลืม สามารถรักษาคนไข้หนเดียวก็หายได้ ในเวลาต่อมาพระเจ้าพิมพิสารประชวรเป็นโรคพระภคันทละ คือโรคริดสีดวงทวาร ทรงโปรดให้หมอชีวกเข้าไปถวายการรักษา หมอชีวกถวายการรักษาด้วยการทายาเพียงครั้งเดียว พระเจ้าพิมพิสารก็ทรงหายโรค จึงโปรดให้เป็นแพทย์หลวงบำรุงพระองค์และฝ่ายใน กับบำรุงพระสงฆ์ นับว่าหมอชีวกเป็นแพทย์ผู้ที่มีความรู้ความสามารถมีชื่อเสียงในครั้งพุทธกาล และมีผู้เคารพยกย่องอย่างมาก
ยุคก่อนอาณาจักรสุโขทัย
การค้นพบศิลา จารึกอาณาจักรขอมประมาณปี พ.ศ. ๑๗๒๕ - ๑๗๒๙ พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลโดยการสร้างสถานพยาบาล เรียกว่า อโรคยาศาลาขึ้น ๑๐๒ แห่ง ในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ในบริเวณใกล้เคียง กำหนดผู้ทำหน้าที่รักษาพยาบาลไว้อย่างชัดเจนได้แก่ หมอ พยาบาล เภสัช ผู้จดสถิติ ผู้ปรุงยาและอาหาร รวม ๙๒ คน มีพิธีกรรมบวงสรวงพระไภสัชยคุรุไวทูรย์ประภาตามความเชื่อตามศาสนาพุทธลัทธิ มหายาน ด้วยการบูชา ยาและอาหารก่อนแจกจ่ายผู้ป่วย ปัจจุบันมีอโรคยศาลาที่ยังเหลือประสาทที่สมบูรณ์ที่สุดคือ กู่บ้านเขวา จังหวัดมหาสารคราม
สมัยสุโขทัย
การค้นพบหินบดยาสมัยทวารวดีซึ่งเป็น ยุคก่อนสมัยสุโขทัย และจากศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงได้บันทึกไว้ว่าทรงสร้างสวนสมุนไพรขนาด ใหญ่บนเขาหลวงหรือเขาสรรพยาเพื่อให้ราษฎรได้เก็บสมุนไพรไปใช้รักษาโรคยาม เจ็บป่วย ปัจจุบันผู้เขาดังกล่าวอยู่ในอำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย
สมัยอยุธยา
การ แพทย์มีลักษณะผสมผสานปรับประยุกต์องค์ความรู้จากแพทย์พื้นบ้านทั่วราชอณา จักร ผสมกลมกลืนกับความเชื่อตามปรัชญาแนวพุทธ รวมทั้งความเชื่อทางไสยศาสตร์และโหรศาสตร์เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพของชุมชน การแพทย์แผนไทยมีเป้าหมายที่สภาวะสมดุลของธาตุ ๔ อันเป็นองค์ประกอบของชีวิต
ใน สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พบบันทึกว่ามีระบบการจัดหายาที่ชัดเจนสำหรับประชาชนที่มีแห่งจำหน่ายยาและ สมุนไพรหลายแห่งทั้งในและนอกกำแพงเมือง มีการรวบรวมตำรับยาต่างๆ ขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การแพทย์แผนไทยเรียกว่าตำราพระโอสถพระ นารายณ์ การแพทย์แผนไทยในสมัยนี้รุ่งเรืองมาก โดยเฉพาะการนวดไทย การแพทย์ตะวันตกเริ่มเข้ามามีบทบาทโดยมิชชั่นนารีชาวฝรั่งเศสได้จัดตั้ง โรงพยาบาลรักษาโรคแต่ก็ขาดความนิยมและล้มเลิกไป
ระหว่างเสียกรุงพม่าได้ เข้าโจมตี ๒ ครั้ง บ้านเมืองถูกทำลาย ประชาชน ราชวงศ์กษัตริย์ ขุนนาง และนักโทษจำนวนมากถูกกวาดต้อนไปยังพม่า ซึ่งอาจมีหมอแผนโบราณรวมอยู่ในกลุ่มเหล่านี้ และตำรารวมถึงคัมภีร์เก่าๆ ก็อาจถูกทำลายไปด้วย
สมัยรัตนโกสินทร์
สมัยรัชกาลที่ ๑
พระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดโพธารามหรือวัดโพธิ์ขึ้นเป็นอารามหลวง ให้ชื่อว่าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ทรงให้รวบรวมและจารึกตำรายาฤาษีดัดตน และตำรานวดไทยไว้ตามศาลาราย สำหรับการจัดหายาของทางราชการ มีการจัดตั้งกรมหมอ โรงพระโอสถคล้ายกับสมัยอยุธยา ผู้รับราชการเรียกว่า หมอหลวง ส่วนหมอที่รักษาประชาชนทั่วไป เรียกว่า หมอราษฎรหรือหมอเชลยศักดิ์
สมัยรัชกาลที่ ๒
พระ บาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเห็นว่าคัมภีร์แพทย์ ณ โรงพระโอสถสมัยอยุธยาสูญหายไป จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้เหล่าผู้ชำนาญลักษณะโรคและสรรพคุณยา
รวม ทั้งผู้ที่มีตำรายาดีนำเข้ามาทูลเกล้าฯ ถวาย ให้กรมหมอหลวงคัดเลือกและจดเป็นตำราหลวงสำหรับโรงพระโอสถ พ.ศ. ๒๓๕๙ มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ตรากฎหมายชื่อว่า กฎหมายพนักงานพระโอสถถวาย
สมัยรัชกาลที่ ๓
พระ บาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนโปรดเกล้าฯให้จารึกตำรายาไว้บนแผ่นหินอ่อน ประดับไว้ตามผนังโบสถ์และศาลารายในบริเวณวัด ศิลาจารึกนี้เป็นตำราบอกสมุฏฐานของโรค วิธีการรักษา และได้จัดหาสมุนไพรที่ใช้ปรุงยาและหาได้ยาก มาปลูกไว้ในวัดเป็นจำนวนมากนับเป็นการจัดการศึกษาให้แก่ประชาชนอีกรูปแบบ หนึ่ง มิได้จำกัดเพียงในวงศ์ตระกูลเหมือนแต่ก่อน นอกจากนี้รับสั่งให้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดราชโอรสาราม ได้จารึกตำราในแผ่นศิลาตามเสาระเบียงพระวิหาร รัชสมัยนี้มีการนำการแพทย์แบบตะวันตกเข้ามาเผยแพร่โดยมิชชันนารีชาวอเมริกัน โดยการนำของนายแพทย์แดน บีช บรัดเลย์ ซึ่งคนไทยเรียกว่าหมอปลัดเลย์ นำวิธีการแพทย์แบบตะวันตกมาใช้ เช่น การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ การใช้ยาเม็ดควินินรักษาโรคไข้จับสั่น นับเป็นวิวัฒนาการทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนตะวันตก
สมัยรัชกาลที่ ๔
พระ บาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้นำการแพทย์แผนตะวันตกมาใช้ เช่น การสูติกรรมสมัยใหม่ แต่ไม่สามารถให้ประชาชนเปลี่ยนความนิยมได้ เพราะการรักษาพยาบาลแผนไทยเป็นจารีตประเพณีและวัฒนธรรมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ วิถีชีวิตคนไทย
สมัยรัชกาลที่ ๕
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ หัว ปี พ.ศ. ๒๔๓๑ มีการจัดตั้งศิริราชพยาบาล มีการเรียนการสอนและให้การรักษาทั้งการแพทย์แผนไทยและแผนตะวันตกร่วมกัน หลักสูตร 3 ปี การจัดการเรียนการสอนบริการทางแพทย์แผนไทยและแผนตะวันตกร่วมกันเป็นไปด้วย ความยากลำบากและขัดแย้งระหว่างผู้เรียนและผู้สอนเป็นอย่างมาก ด้วยหลักการแนวคิดและวิธีการเรียนการสอนที่แตกต่างกัน ทำให้ยากที่จะผสมผสานกันได้ มีการพิมพ์ตำราแพทย์สำหรับใช้ในโรงเรียนการแพทย์ครั้งแรกปี พ.ศ. ๒๔๓๘ ชื่อตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ เล่ม ๑ - ๔ ได้รับยกย่องให้เป็นตำราขึ้นมาใหม่ได้แก่ ตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ฉบับหลวง 2 เล่ม และตำราแพทย์แผนศาสตร์สังเขป (เวชศึกษา) 3 เล่ม ซึ่งยังคงใช้เป็นคัมภีร์ทางการแพทย์มาจนทุกวันนี้
สมัยรัชกาลที่ ๖
พระ บาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวปี พ.ศ.๒๔๕๖ มีการสั่งยกเลิกวิชาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๔๖๖ มีประกาศให้ใช้พระราชบัญญัติการแพทย์เพื่อเป็นการควบคุมการประกอบโรคศิลปะ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจุเกิดกับประชาชนอันเนื่องมาจากการประกอบการของผู้ ที่ไม่มีความรู้และมิได้ฝึกหัด ด้วยความไม่พร้อมในด้านการเรียนการสอน การสอบ และการประชาสัมพันธ์ ทำให้หมอพื้นบ้านจำนวนมากกลัวถูกจับจึงเลิกประกอบอาชีพนี้ บ้างก็เผาตำราทิ้ง จะมีหมอแผนโบราณเพียงจำนวนหนึ่งจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่สามารถปฏิบัติได้ตาม พระราชบัญญัติดังกล่าว นับเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรคำนึงถึง
สมัยรัชกาลที่ ๗
กฎหมายเสนาบดี แบ่งการประกอบศิลปะออกเป็นแผนปัจจุบันและแผนโบราณ และกำหนดว่า
๑) ประเภทแผนปัจจุบัน คือ ผู้ประกอบโรคศิลปะโดยความรู้จากตำราอันเป็นหลักวิชาโดยสากลนิยมซึ่งดำเนิน และจำเริญขึ้น โดยอาศัยการศึกษา ตรวจค้น และทดลองของผู้รู้ในทางวิทยาศาสตร์ทั่วโลก
๒) ประเภทแผนโบราณ คือ ผู้ประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยความสังเกต ความชำนาญ อันได้สืบต่อมาเป็นที่ตั้ง หรืออาศัยตำราอันมีมาแต่โบราณ มิได้ดำเนินไปในทางวิทยาศาสตร์
สมัยรัชกาลที่ ๙
พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลดุลยเดชมหาราช ในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ มีการจัดตั้งสมาคมของโรงเรียนแพทย์แผนโบราณ ได้ก่อตั้งขึ้นที่วัดโพธิ์ กรุงเทพ นับแต่นั้นสมาคมได้แตกสาขาออกไป ปัจจุบันมีโรงเรียนแพทย์แผนโบราณที่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องอยู่เป็น จำนวนมากทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด ใน พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้ก่อตั้งโรงเรียนอายุรเวทวิทยาลัยฯ โดยศาสตราจารย์พิเศษนายแพทย์อวย เกตุสิงห์ และคณะเป็นผู้ก่อตั้งขึ้น อยู่ในพระสังฆราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก กับ พระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ให้การอบรมศึกษาด้านการแพทย์แผนโบราณแบบประยุกต์มาจนถึงปัจจุบัน

นวดกดจุด นวดแก้อาการ นวดบำบัดโรค ด้วยการนวดเท้า


นวด ฝ่าเท้า มิเพียงเพื่อผ่อนคลาย และสร้างเสริมสุขภาพ นวดฝ่าเท้าถ้าศึกษาให้ลึกด้วยการแพทย์ผสมผสานยังรักษาโรคได้อีกด้วย ก่อนอื่นทำไมนวดฝ่าเท้าจึงมีบทบาทไปถึงอวัยวะภายในได้ ทั้งๆ ที่เราเพียงแตะต้องกันที่ผิวกายภายนอกที่ส่วนปลายสุดของร่างกาย คือ ฝ่าเท้าทั้งสองเท่านั้น

ปัจจุบันทฤษฎีที่อธิบายเรื่องนี้ได้น่าฟังที่สุด เห็นจะเป็นทฤษฎี "คลื่นพลังบำบัดโรค" หรือที่เรียกว่า "Vibrational medicine" ซึ่งอิงความรู้วิทยาศาสตร์ควอนตัม ดังที่ผมเคยเล่าสู่ผู้อ่านไว้แล้วเมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ใครสนใจขอย้อนกลับไปอ่านในเรื่องนั้น

แต่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เราจะใช้ความรู้นวดฝ่าเท้ารักษาโรคมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ฉบับนี้ขอชี้ชวนให้ใช้การแพทย์ผสมผสานมาประยุกต์เป็นศาสตร์นวดฝ่าเท้าบำบัด โรคดูบ้าง

เดิมทีเดียว ทฤษฎีนวดฝ่าเท้าบำบัดโรคพอจะจำแนกเป็น 2 สาขาใหญ่ๆ ที่สำคัญ

สาขาหนึ่งเรียกว่า Zone Therapy เป็นการรักษาตามแนวพื้นที่ เผยแพร่โดยแพทย์อเมริกันชื่อ วิลเลียม ฟิตเจอรัลด์ตั้งแต่ปี คศ.1913 แล้วสืบทอดมาถึงปัจจุบันโดย โจเซฟ คอร์โว สาขานี้แบ่งร่างกายเป็น 10 แถบ ที่ต่อทอดจากศีรษะไปตลอดปลายมือ ปลายเท้า เขาแนะนำให้นวดทั้งมือและเท้าตามแถบพลังงาน เพื่อบำบัดโรคภายใน

สาขาที่สองเรียกว่า Reflexology ริเริ่มโดยนักบำบัดชาวอเมริกันชื่อ ยูนิช อิงก์แฮม เมื่อปี คศ.1938 เธอแบ่งโซนบนฝ่าเท้าเป็นแถบๆ ที่มีปฏิกิริยาสะท้อนกลับไปสู่อวัยวะภายในแต่ละส่วน กลายเป็นแผนผังที่ปัจจุบันติดตั้งอยู่หน้าสถานนวดฝ่าเท้าเกือบทุกแห่งใน ปัจจุบันนี้

การบำบัดถือว่า ให้เลือกกดจุดที่ตรงกับอวัยวะที่ต้องการรักษาตามแผนผังที่ปรากฏในฝ่าเท้า นั้น ถ้าตรงจุดกันจะได้จุดที่รู้สึกเจ็บมาก ก็ให้นวดจุดนั้นไป อาจครั้งเดียวหรือหลายครั้งจนจุดนั้นคลายไป

อย่างไรก็ดี ถ้านักบำบัดฝ่าเท้าในปัจจุบันจะได้ขยายความเข้าใจในทฤษฎีอื่นๆ มาใช้ร่วมในการนวดฝ่าเท้าแล้ว ผมคิดว่าจะเกิดบทบาทในการรักษาโรคอีกมาก บางทีถ้าส่งเสริมกันให้เป็นล่ำเป็นสันอาจเป็นกุญแจสำคัญทำให้เรื่องแบ่ง งบประมาณ 30 บาทมีทางจะลงตัวกันได้ง่ายยิ่งขึ้น โรงพยาบาลไหนอยู่ไกลและงบประมาณไปไม่ถึงกันนัก ก็ระดมกันนวดฝ่าเท้ากันให้ทั่วทั้งอำเภอ เพราะใครๆ ก็มีฝ่าเท้าของตัวเองอยู่แล้ว นวดให้ตัวเองบ้าง นวดให้กันและกันบ้าง เงินทองก็ไม่ต้องเสียสักบาท

ถ้าสนใจจะนวดฝ่าเท้าบำบัดโรค ควรเรียนรู้ทฤษฎีรักษาโรคตามแนวธรรมชาติบำบัดอีก 3 ทฤษฎี คือ
1.ทฤษฎีต่อมฮอร์โมน
2.ทฤษฎีล้างพิษ
3.ทฤษฎีการแพทย์แผนจีน

ทฤษฎีต่อมฮอร์โมน
ต่อมฮอร์โมนเป็นองค์ประกอบ สำคัญที่สร้างสมดุลของร่างกาย การเสื่อมสภาพของต่อมฮอร์โมนเป็นปัจจัยให้เกิดความชราภาพ บนฝ่าเท้ามีต่อมฮอร์โมนหลายตำแหน่ง การนวดจุดเหล่านี้จะกระตุ้นต่อมฮอร์โมนช่วยบำบัดได้ตั้งหลายโรคหลายอาการ

ต่อมเหนือสมอง (Pineal gland) ต่อมนี้สำคัญมากเป็นนายของต่อมอื่นๆ ทั่วร่างกาย โดยมีเส้นประสาทโยงใยและฮอร์โมนที่ออกคำสั่งไปยังต่อมอื่นๆ อีกมาก ฮอร์โมนสำคัญคือ เซโรโตนิน ซึ่งต่อมนี้สร้างขึ้นในเวลากลางวัน ทำให้เซลล์สดชื่นแจ่มใส และฮอร์โมนเมลาโตนินซึ่งสร้างในเวลากลางคืนทำให้เซลล์สยบ หลับสบาย

ต่อมเหนือสมองสนองตอบต่อแสง ตะวัน ทำหน้าที่เป็นนาฬิกาชีวภาพของเรา ทีนี้ชีวิตคนสมัยใหม่มักจะมีกิจวัตรไม่ตรงตามการทำงานของสรีระของต่อมเหนือ สมอง คนงานกะกลางคืน ทหารตำรวจอยู่เวรยาม พยาบาลเวรดึก นักร้อง นักแสดง สาวเสิร์ฟ นักบิน แอร์โฮสเตส บางคนไม่มีความจำเป็นทางวิชาชีพแต่ทำตัวเป็นนกเค้าแมว อย่างวัยรุ่นอยู่ดึกเพื่อเล่นเนต แม่บ้านรอละครน้ำเน่ารอบดึก คนเราสมัยนี้จึงมีไม่น้อยที่ใช้กิจวัตรกลับกลางคืนเป็นกลางวัน กลางวันเป็นกลางคืน ผลก็คือ ต่อไพเนียลทำงานสับสน พลอยทำให้ต่อมอื่นเสียการทำงานไปด้วย จึงทำให้สุขภาพเสื่อมสุดๆ ตั้งแต่ผิวพรรณหม่นหมอง รอยตีนกาโผล่ รอบเดือนไม่สม่ำเสมอ มีลูกยาก อารมณ์หงุดหงิด นอนไม่หลับ สมรรถภาพทางเพศเสื่อม

การกดจุดเหนือสมองหรือต่อมไพ เนียลที่ฝ่าเท้า จึงช่วยปรับทั้งการทำงานของฮอร์โมน ทั้งสร้างความสดชื่นแจ่มใสยามกลางวัน กลางคืนนอนหลับสบาย แก้ภาวะอ่อนเพลีย สร้างความกระปรี้กระเปร่า

ต่อมใต้สมอง (Pituitary gland) ต่อมนี้สั่งการต่อไปยังต่อมไทรอยด์ หมวกไต รังไข่ อัณฑะ หลักวิชาโยคะถือว่าต่อมไพเนียลและต่อมใต้สมองทำงานสัมพันธ์กัน ช่วยให้จิตสงบ การนวดจุดใต้สมองมีผลสงบประสาท ช่วยนอนหลับ ปรับประจำเดือน เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ สร้างความกระปรี้กระเปร่า แก้ซึมเศร้า อาการก่อนหลังประจำเดือน ภาวะก่อนหมดประจำเดือน และอ่อนเปลี้ยเรื้อรัง ฯลฯ

ต่อมไทรอยด์ ( Thyroid gland) ควบคุมการเผาผลาญอาหาร การนวดจุดไทรอยด์ช่วยแก้อาการร้อนง่าย กระวนกระวาย ใจเต้นใจสั่น ตื่นเต้นง่าย ประจำเดือนกระปริบกระปรอย ฯลฯ

ต่อมพาราไทรอยด์ (Parathyroid gland) ควบคุมระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือด คุมการทำงานของกล้ามเนื้อ การนวดพาราไทรอยด์จึงช่วยคลายกล้ามเนื้อได้ดี

ต่อมไทมัส (Thymus gland) มีบทบาทควบคุมภูมิต้านทาน ทำหน้าที่เสมือนโรงเรียนฝึกอบรมเม็ดเลือดขาวให้พร้อมแก่การเกิดปฏิกิริยา ปกป้องร่างกาย คนที่ต่อมไทมัสทำงานน้อยจะพบอาการติดเชื้อเรื้อรัง กระทั่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง

นักนวดฝ่าเท้าอย่างโจเซฟ คอร์โวให้ความสำคัญกับไทมัสมาก ผู้ป่วยที่มีเหตุกระทบกระเทือนทางจิตใจรุนแรง คนที่ตกอยู่ในความเครียด จุดไทมัสจะไวต่อการกระตุ้นมาก ถ้าพบผู้ป่วยในลักษณะนี้ให้ผู้นวดสอดใส่ความเมตตากรุณาเข้าไปในระหว่าง สัมผัสของการนวด จะพบว่าด้วยเวลาเพียงไม่นานความเจ็บปวดที่จุดนั้นจะหายไปและผู้ถูกนวดจะแจ่ม ใสขึ้นอย่างน่าพึงพอใจ

ต่อมตับอ่อน (Pancreas) ภาวะหย่อนของตับอ่อนทำให้น้ำตาลเลือดสูง ร่างกายอ่อนล้า เบื่ออาหาร ท้องอืด อาหารไม่ย่อย นวดจุดตับอ่อนช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด แก้ภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง เพิ่มเรี่ยวแรง

ต่อมหมวกไต (Adrenal gland) นวดจุดนี้บำบัดภูมิแพ้ หอบหืด รูมาตอยด์ SLE ภูมิต้านทานไวเกิน

ต่อมเพศ (Gonad glane) ช่วยผิวพรรณดี จิตใจแจ่มใส ทรวดทรงดี เจริญพันธุ์ มีสมรรถภาพทางเพศ

นักนวดฝ่าเท้า ลองจับสังเกตอาการของผู้ถูกนวด แล้วเลือกใช้ทฤษฎีต่อมฮอร์โมนมาช่วยนวดฝ่าเท้า ก็แก้รักษาโรคได้อีกอักโขเชียวครับ
 
 นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล
ที่มา www.balavi.com

ความรู้ทั่วไป ความดันโลหิต



Q&A เช็กความดันโลหิต
พร้อมกับคำ บอกเล่าของคุณหมออีกสองสามคำ ว่า ปกติ ต่ำ สูง ประการใด แต่คุณผู้อ่านเคยอยากรู้ต่อไปไหมคะว่า ตัวเลขเหล่านั้นบอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพของเราบ้าง

Q: เมื่อไหร่จึงเรียกว่าความดันโลหิตสูง
A: เมื่อความดันโลหิตเกิน 120/75 จัดว่าความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์สูง เมื่อความดันโลหิตเกิน 140/90 อาจเป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้ว เมื่อความดันโลหิตเกิน 160/100 ถือว่าอันตราย

Q: ระดับความดันโลหิตอันตราย ที่พร้อมจะก่อปัญหาสุขภาพ
A: ระดับความดันโลหิต 140/90 เป็นระดับความดันโลหิตที่อาจก่อปัญหาสุขภาพรุนแรง ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ระดับความดันโลหิตนี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง โรคไต และภาวะหัวใจวายได้

Q: ตัวเลขความดันโลหิตตัวบนหรือตัวล่างสำคัญกว่ากัน
A: สำคัญเท่ากัน โดยตัวแรกคือค่า systolic เป็นค่าความดันโลหิตขณะที่หัวใจบีบตัว ค่าหลังคือ diastolic เป็นค่าความดันโลหิตขณะที่หัวใจคลายตัว

ค่า systolic สามารถประเมินถึงความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคหัวใจ ไต และประเมินประสิทธิภาพการไหลเวียนเลือดของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ส่วนค่า diastolic เป็นตัวที่สำคัญซึ่งจะบ่งบอกถึงปัจจัยเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือด

Q: ถ้าเป็นคนสุขภาพไม่แข็งแรงอยู่เดิม เกณฑ์การเฝ้าระวังความดันโลหิตสูงเหมือนคนทั่วไปหรือไม่
A: ไม่เหมือน โดยเฉพาะคนที่มีน้ำหนักเกิน มีคอเลสเตอรอลสูง หรือป่วยเป็นโรคไต ความดันที่ระดับ 110/75 ถือว่าสูงแล้ว

Q: ภาวะใดที่กระตุ้นให้ความดันโลหิตสูง
A: ไม่ออกกำลังกายหรือออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอ นอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมง กินอาหารรสเค็มในปริมาณมาก การมีระดับคอเลสเตอรอลสูง

ไม่ว่าระดับความดันโลหิตตอนนี้จะเป็นเช่นไร การดูแลสุขภาพอย่างรอบด้านช่วยตัดตอนความดันโลหิตสูงและสารพัดโรคได้ค่ะ

นวดกดจุดสยบปวดคอ

นวดกดจุดสยบปวดคอ


ภาพ:219cure.jpg

        อาการปวดคอนั้นมักจะมีหลายแบบ เช่น ปวดเมื่อยต้นคอ คอแข็งเอี้ยวไม่ได้ บางครั้งจะปวดบริเวณไหล่หรือบ่าร่วมด้วย ตลอดจนปวดร้าวไปที่ศีรษะ ต้นแขน ปลายแขน หรือแม้แต่ปวดและชาที่นิ้วมือได้ ต้องลองสังเกตว่าตัวเราเองปวดแบบไหน เช่นมีนมีอาการปวดเมื่อยบริเวณต้นคอและที่บ่าร่วมด้วย แต่ยังหันคอไปมาได้ตามปกติ แม้จะรู้สึกปวดแต่ก็ไม่เจ็บมาก

        ต่อมาลองหาสาเหตุของอาการปวดคอกัน ซึ่งสาเหตุการปวดคอที่พบบ่อย เกิดจาก


  • อิริยาบถหรือท่าทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น การแหงนหน้าหรือก้มหน้าทั้งวัน อย่างผู้ทำงานเย็บจักร ซักผ้า เขียนหรืออ่านหนังสือ ตลอดจนครูที่ต้องแหงนหน้าเขียนกระดานบ่อยๆ หรือนักบัญชีที่ต้องก้มคอนานๆ แม้แต่การนอนหนุนหมอนที่สูงหรือแข็งเกินไปก็ทำให้เป็นโรคปวดคอได้
  • สิ่งแวดล้อมในที่ทำงาน หรืองานในชีวิตประจำวันไม่เหมาะสมกับสรีระของร่างกาย เช่น โต๊ะ เก้าอี้สูงหรือต่ำเกินไป
  • ความเครียดของจิตใจ ซึ่งอาจทำให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อคอ ทำให้มีอาการปวดต้นคอ ปวดศีรษะบริเวณท้ายทอย ภายหลังการทำงานหรือภายหลังมีปัญหาขัดแย้ง
  • อุบัติเหตุ ซึ่งจะทำให้มีการเคลื่อนไหวของคอมาก หรือรวดเร็วกว่าปกติ ทำให้กล้ามเนื้อเส้นเอ็นฉีกขาด หรือ กระดูกเคลื่อน
  • กระดูกคอเสื่อม เป็นการเปลี่ยนแปลงที่พบได้ในคนสูงอายุ บางคนอาจไม่มีอาการเลยก็ได้ ขณะที่บางคนอาจมีอาการมากจนต้องได้รับการรักษา
ข้ออักเสบ เช่น ในผู้ป่วยรูมาตอยด์

        เมื่อเราสำรวจพบสาเหตุของอาการปวดคอกันแล้ว นอกจากจะต้องแก้ไขที่ต้นเหตุ อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยคอ ในรายที่มีอาการไม่มาก และไม่มีอาการบวมแดงก็คือ การนวดกดจุด เริ่มต้นง่ายๆ ดังนี้

กดจุดเยียวยาป่วย

        การกดจุดตามขั้นตอนต่อไปนี้ ต้องขอความร่วมมือจากคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด อาจชวนกันมาทำเป็นกิจกรรมยามว่างในครอบครัวของคุณก็ได้ โดยเริ่มจากให้ผู้ป่วยนั่งเก้าอี้ ตั่ง หรือพื้นที่ปูเบาะ (ถ้าผู้ป่วยกำลังตั้งครรภ์ให้ข้ามขั้นตอนที่ 1) พร้อมกันแล้ว ก็ลงมือได้เลยค่ะ
        1. ให้ผู้นวดยืนด้านหลังผู้ป่วย แล้วโน้มตัวลงมาตรงๆ ใช้ฝ่ามือกดที่ไหล่ เริ่มออกแรงเบาๆ ก่อน แล้วจึงค่อยๆ โน้มต่ำลงเพิ่มแรงมากขึ้น         2. มือข้างหนึ่งประคองหน้าผากไว้ อีกมือหนึ่งบีบกล้ามเนื้อหลังคอ โดยค่อยๆ บีบไล่จากท้ายทอยลงมา         3. ใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงไปอย่างหนัก ตรงแอ่งระหว่างกล้ามเนื้อคอและฐานกะโหลกศีรษะ กดไล่ลงมาด้านล่างช้าๆ แล้วจึงเปลี่ยนมือและกดจุดแบบเดิมที่คออีกด้านหนึ่ง         4. สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดเมื่อยบริเวณไหล่หรือบ่าร่วมด้วย ให้ผู้นวดถอยหลังออกมานิดหนึ่ง เหยียดแขน วางมือลงบนไหล่ทั้งสองข้าง กดช้าๆ ซ้ำๆ กันหลายครั้งที่บริเวณกล้ามเนื้อข้างกระดูกสันหลังทั้งสองด้านของกระดูก หัวไหล่ ออกแรงกดเท่าที่ผู้ป่วยทนได้         5. จบการนวดกดจุดด้วยการบีบนวด และลูบมือจากไหล่ลงมาถึงข้อศอกซ้ำๆ เร็วๆ เพื่อให้คลายจากการตึงเครียด

ควรไปพบแพทย์เมื่อ
  • ถ้ารักษาตัวเองแล้วไม่ได้ผล และปวดนานเกิน 3 วัน
  • มีอาการปวดมากจนยกแขนขึ้นเหนือศีรษะไม่ได้
  • ต่อมน้ำเหลืองที่คอบวม หรือมีอาการกลืนลำบากร่วมด้วย
  • ปวดคอหรือไหล่หลังจากเกิดอุบัติเหตุหรือหกล้ม ต้องพบแพทย์ทันที
  • กรณีที่ปวดคอและมีอาการคอเคล็ด รวมถึงปวดศีรษะ มีไข้สูง ตาไม่สู้แสง และมีผื่นแดง ต้องพบแพทย์โดยด่วน เพราะเหล่านี้เป็นอาการของเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ชีวจิตดอมคอม

วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ภาพการสอน ศิษย์เก่า

ภาพการสอน ศิษย์เก่า
ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ และไปสอนต่างประเทศ ค่ะ



























































นวดแก้อาการ “นิ้วล็อก”(1)

นวดแก้อาการ “นิ้วล็อก”(1)    

 
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=949000013534
       “คุณหมอคะ ดิฉันมีอาการนิ้วล็อก คือเวลางอเข้ามาแล้วไม่สามารถยืดกลับไปเหมือนเดิมได้ ทำให้ต้องใช้อีกมือช่วยดึงให้กลับไป ไม่ทราบว่ามีหนทางรักษาให้กลับคืนไปเหมือนเดิมไหมคะ”
       คนไข้สุภาพสตรีรายหนึ่งบอกเล่าอาการนิ้วล็อกหรืออาการติดขัดของนิ้วมือ
       ให้ฟัง พร้อมกับขอความช่วยเหลือ
      
       แน่นอน...ในฐานะที่เป็นหมอก็ต้องตอบว่า “ได้”
      
       ในทางการแพทย์จีนเรียกอาการนิ้วล็อกว่า “ฐานเสี่ยงจื่อ” เป็นอาการที่มักเกิดขึ้นกับ “ผู้หญิง” มากกว่า “ผู้ชาย” และมักพบบ่อยในผู้ที่ต้องใช้มือ โดยเฉพาะ “นิ้ว” ทำงานเป็นเวลานาน
      
       การใช้นิ้วมือที่เคลื่อนอยู่อย่างตลอดเวลาส่งผลทำให้เส้นเอ็นและ กล้ามเนื้อเกิดการเสียดสีกัน เมื่อเสียดสีกันนานๆ ก็จะเกิดอาการอักเสบ บวม และทำให้เส้นเอ็นค่อยๆ หนาขึ้น กระทั่งทำให้การเคลื่อนไหวของนิ้วเป็นไปอย่างติดๆ ขัดๆ
      
       อาการของโรคทางกายภาพที่พบเห็นกันเป็นประจำคือ นิ้วมือผิดรูป ซึ่งส่วนใหญ่นิ้วจะหนาขึ้นและมีลักษณะเหมือนลูกน้ำเต้า โดยเมื่อเรางอนิ้วเข้ามานิ้วจะเกิดอาการล็อก และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ต้องใช้อีกมือหนึ่งมาช่วยดึงหรือปลดล็อกจึงจะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม
      
       นอกจากนี้ อาการที่พบบ่อยๆ ในผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษาก็อย่างเช่น นิ้วมือไม่มีแรง เมื่อยหรือบางทีก็ปวด การเคลื่อนไหวไม่สะดวก ยืดนิ้วยากลำบาก ถ้ากดไปตรงบริเวณที่มีปัญหาก็จะเกิดความเจ็บปวดขึ้น
      
       ทั้งนี้ อาการนิ้วล็อกมักจะเกิดขึ้นกับ 3 นิ้ว คือ นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลางเป็นหลัก
       

       อย่างไรก็ตาม ต้องบอกและต้องย้ำว่า นิ้วล็อกเป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมในการใช้งานของนิ้ว ไม่ใช่โรคที่เกิดจากเชื้อโรคแต่อย่างใด และผู้ที่ใช้มือ ใช้นิ้วในการทำงานมากๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเกิดอาการนิ้วล็อกทุกคนไป หากแต่ขึ้นอยู่กับพื้นฐานสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วยว่าเป็นอย่างไร ซึ่งโดยหลักการแพทย์แผนจีนอธิบายตรงนี้ว่า นอกจากมีผลมาจากการใช้นิ้วนานๆ แล้ว ยังมีส่วนเชื่อมโยงกับระบบเลือดลมที่ผิดปกติด้วย
      
       อาการนิ้วล็อกนั้น แม้ว่าจะไม่อันตรายร้ายแรงหรือส่งผลกระทบเชื่อมโยงหรือลามไปถึงอวัยวะส่วน อื่นๆ ของร่างกาย แต่ก็เป็นสิ่งที่มักจะสร้างความรำคาญและมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเรา พอสมควร
      
       เพราะฉะนั้น จึงขอแนะนำให้เข้ารับการรักษาจากหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เนื่องจากเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ไม่ยากเท่าใดนัก
      
       ในปัจจุบัน การรักษาอาการนิ้วล็อกได้รับการพัฒนาไปค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการแพทย์แผนปัจจุบันที่ใช้ “การผ่าตัด” เข้ามาช่วยรักษาและประสบความสำเร็จเช่นกัน แต่สำหรับแพทย์แผนจีนแล้ว ต้องบอกว่าไม่จำเป็น เพราะสามารถใช้การนวดทุยหนารักษาให้หายได้ ส่วนจะใช้เวลายาวนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
      
       สำหรับหลักการสำคัญในการรักษาด้วยทุย หนาก็คือ การทำให้เลือดลมไหลเวียนได้สะดวก และระงับความเจ็บปวด การอักเสบและบวม โดยการนวดเพื่อทำให้ส่วนที่ยึดติดคลายตัวและฟื้นฟูการทำงานของนิ้วให้กลับ คืนสู่ปกติ
      
       ทั้งนี้ กรรมวิธีการรักษามีทั้งการกดจุด การโยกและการกระตุก โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ขั้นตอนด้วยกัน
      
       ขั้นที่หนึ่ง เริ่มต้นอุ่นเครื่องด้วยการใช้หัวแม่มือคลึงจุดที่เป็นปัญหา โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที
      
       ขั้นที่สอง ให้ใช้นิ้วกดในจุดที่เจ็บ หนักเบาสลับกันไป ซึ่งในแต่ละนิ้วก็จะมีจุดที่เจ็บมากกว่า 1 จุดขึ้นไป อาจจะเป็น 2 จุดหรือ 3 จุดก็ได้ โดยกดจุดละประมาณ 30 วินาที
      
       ขั้นที่สาม ให้ใช้มือหนึ่งจับที่มือของผู้ป่วยเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งจับที่ปลายนิ้วที่ล็อก จากนั้นให้ดึงนิ้วตรง หมุนนิ้วตามเข็มนาฬิกา 8 รอบ และหมุนทวนเข็มนาฬิกาอีก 8 รอบ
      
       ขั้นที่สี่ เมื่อทำตามขั้นตอนที่สามเสร็จแล้ว ให้ใช้มือดึงและกระตุกนิ้วที่ ล็อกให้ยืดออกมา
      
       และขั้นที่ห้า ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้บีบไล่รีดจากโคนนิ้วไปถึงปลายนิ้ว
      
       รวมแล้ว 5 ขั้นตอนใช้เวลาประมาณสัก 10 นาที
      
       และคราวหน้า เราจะว่ากันถึงวิธีการนวดตัวเองเพื่อแก้ปัญหานิ้วล็อก....
                                                   

การนวดแก้อาการปวดศีรษะ






             

การนวดแก้อาการปวดศีรษะ


 การปวดศีรษะเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด ในทางแพทย์แผนไทยนั้น มีการกล่าวถึงไว้ในคัมภีร์โรคนิทานว่าหากเส้นเอ็นกำเริบจะทำให้เกิดอาการปวด ศีรษะได้ นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึง เส้นอิทา และเส้นปิงคลาซึ่งอยู่ในเส้นประธานสิบว่าเกี่ยวเนื่องกับการปวดศีรษะเช่น กัน  จากการศึกษาจากสาเหตุและอาการตามศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยสามารถแบ่งกลุ่มอาการปวดศีรษะได้ดังนี้

1. ปวดศีรษะจากเส้นเอ็นกำเริบ
2. ปวดศีรษะจากเส้นอิทากำเริบ (จะมีอาการตามืดมัว และชักร่วมด้วย) คล้ายอาการปวดไมเกรน
3. ปวดศีรษะจากเส้นปิงคลากำเริบ (จะมีอาการ ตาแดง ปวดเบ้าตา คัดจมูก น้ำมูกไหลร่วมด้วย) คล้ายอาการปวดแบบ คลัสเตอร์
4. ปวดศีรษะจากลมปะกัง เนื่องจากเส้นอิทา ปิงคลากระทำพิษ ร่วมกับ กำเดา (จะมีอาการชัก ปากเอียงร่วมด้วย) ซึ่งอาการเป็นอาการปวดที่รุนแรงระยะท้ายๆของการปวดจากเส้นอิทา ปิงคลา
5. ปวดศีรษะจากสมอง ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาภายในกะโหลกศีรษะ เยื่อหุ้มสมอง ซึ่งแผนโบราณเรียกว่า สมองฟู สมองเฟื่อง ซึ่งน่าจะหมายถึงสมองบวมนั่นเอง

6. ปวดศีรษะตามฤดูกาลทั้ง 3 (ร้อน ฝน หนาว) ซึ่งมีลักษณะไม่แน่นอน แต่มีอาการปวดล้ายกับการปวดศีรษะจากเมตาบอลิซึม เกิดจากการกินอาหารหรือสารพิษเป็นต้น อาจหมายความถึงการปวดศีรษะจากความเครียดไว้ในกลุ่มนี้ด้วย



วิธีการนวดแก้อาการปวดศีรษะจากความเครียด
1. นวดพื้นฐานบ่าและจุดฐานคอ
2. นวดพื้นฐานศีรษะด้านหลัง
3. กดเน้นจุดฐานกะโหลกด้านหลัง 3 จุด
4. นวดพื้นฐานศีรษะด้านหน้า
5. กดเน้นจุดใต้หัวคิ้วกดรีดไปตามใต้หัวคิ้วถึงหางคิ้ว คลึงขมับ
6. นวดพื้นฐานหลัง

วิธีการนวดแก้อาการปวดศีรษะจากเส้นอิทา (ไมเกรน)
1. นวดพื้นฐานบ่า เน้นจุดฐานคอ
2. นวดศีรษะด้านหลังข้างซ้าย เน้นบริเวณขมับข้างซ้าย
3. นวดศีรษะด้านหลังข้างขวา เน้นบริเวณขมับข้างขวา
4. นวดพื้นฐานศีรษะด้านหน้า
5. กดเน้นจุดใต้หัวคิ้วกดรีดไปตามใต้หัวคิ้วถึงหางคิ้ว คลึงขมับข้างซ้าย
6. นวดศีรษะด้านหลังข้างซ้าย เน้นบริเวณขมับข้างซ้าย


วิธีการนวดแก้อาการปวดศีรษะจากเส้นปิงคลา (คลัสเตอร์)
1. นวดพื้นฐานบ่า เน้นจุดฐานคอ
2. นวดศีรษะด้านหลังข้างขวา เน้นบริเวณขมับข้างขวา
3. นวดศีรษะด้านหลังข้างซ้าย เน้นบริเวณขมับข้างซ้าย
4. นวดศีรษะด้านหลังข้างขวา เน้นบริเวณขมับข้างขวาอีกครั้ง
5. นวดพื้นฐานศีรษะด้านหน้า เพิ่มจุดขอบคาง ใต้ริมผีปาก และจุดรอบโคนจมูก(รอบโพรงไซนัส)
6. นวดจุดเหนือใบหู คลึงขมับ

เมดอัพ รับสอน อบรม นวดในประเทศ ทั่วไทย มีใบประกาศ


เมดอัพ รับสอน อบรม นวดในประเทศ ทั่วไทย มีใบประกาศ เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ


โดยอาจารย์ผู้สอนเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ประสบการณ์ของเราเกือน 20 ปี ทั้งในและต่างประเทศ
ในการสอน โดยอาจารย์สามารถสอนเป็นภาษาอังกฤษ คอร์สเรียนเป็นไว เข้าใจง่าย


คอร์สนวดไทย
คอร์สนวดน้ำมัน อโรม่า

คอร์สสวีดิช
คอร์สนวดประคบ
คอร์สนวดปรับสมดุล จัดกระดูก แก้อาการ ประยุกต์
คอร์สแก้อาการ เบสิค ทั่วไป
คอร์สสปาตัว สปาหน้า
คอร์สกัวซา



ถ้าหากท่านใดสนใจ ติดต่อเราได้ที่
holistic.th@gmail.com, 08 222 82 651

รับสอน อบรม นวดต่างประเทศ

รับสอน อบรม นวดต่างประเทศ

เมดอัพ รับสอน อบรม นวดต่างประเทศ

โดยอาจารย์ผู้สอนเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ประสบการณ์ของเราเกือบ 20 ปี ทั้งในและต่างประเทศ
ในการสอน โดยอาจารย์สามารถสอนเป็นภาษาอังกฤษ คอร์สเรียนเป็นไว เข้าใจง่าย

คอร์สนวดไทย
คอร์สนวดน้ำมัน อโรม่า
คอร์สสวีดิช
คอร์สนวดประคบ
คอร์สนวดปรับสมดุล จัดกระดูก แก้อาการ ประยุกต์
คอร์สแก้อาการ เบสิค ทั่วไป

ถ้าหากท่านใดสนใจ ติดต่อเราได้ที่
holistic.th@gmail.com, 08 222 82 651






รับ ปรับสมดุล นวดปรับกระดูก สโมสร คลับ กีฬา ต่างๆ

รับ ปรับสมดุล  นวดปรับกระดูก สโมสร คลับ กีฬา ต่างๆ


สำหรับสโมสร คลับกีฬา ต่างๆ หากต้อง การปรับสมดุล นวดจัดกระดูก ให้นักกีฬาของท่าน มีสภาพที่พร้อมเสมอ เราขอเสนอ รับบริการนี้ค่ะ ท่านสามารถแสดงความจำนง มาได้ที่
holistic.th@gmail.com, 08 222 82 651 ค่ะ

ตัวอย่างนักกีฬา ต่างชาติ ที่เข้าคอร์สเดียวกันนี้ค่ะ

 

 การได้รับความนิยมของไคโรแพรคติค

 


ไคโรแพรคติคได้รับความนิยมมากที่สุด มีระเบียบแบบแผนในการรักษามากที่สุด และเป็นที่รู้จักมากที่สุดในด้านการแพทย์ทางเลือกสมัยใหม่ (รักษาโดยไม่ผ่าตัดหรือใช้ยา) ผลการสำรวจคนไข้ที่เข้ารับการรักษาโดยแพทย์ทางเลือกสมัยใหม่แสดงให้เห็นว่า ไคโรแพรคติกแพทย์เป็นแพทย์ที่คนไข้เลือกขอคำปรึกษาและรักษามากที่สุดในบรรดา การแพทย์ทางเลือกสมัยใหม่ นอกจากนี้คนไข้ยังได้รับความพึงพอใจในระดับสูงจากการบำบัดรักษาโดยไคโรแพร คติค
Meeker, Haldeman (2002), Annals of Internal Medicine

ประสบการณ์จากผู้ที่เคยได้รับการรักษาด้วยศาสตร์ไคโรแพรคติก
แดน โอไบรอัน – นักกีฬาเหรียญทอง ประเภทกรีฑา
เรา ไม่สามารถจะใช้ศักยภาพร่างกายในการลงแข่งได้อย่างเต็มที่หรอกครับ หากโครงสร้างของเรามีภาวะผิดสมดุล และร่างกายก็ไม่สามารถที่จะซ่อมแซมรักษาตัวเองได้เช่นกันหากแผ่นหลังของเรา มีความผิดปกติ นี่คือแนวคิดเกี่ยวกับการทำไคโรแพรคติกที่ผมเชื่อมั่นมาโดยตลอด เพราะเป็นสิ่งที่นักกีฬาประเภทลู่และลานต้องพบเจออยู่เสมอ นักกีฬาทั้งลู่และลานทุกคนที่ผมรู้จักต้องเคยพบแพทย์ไคโรแพรคติกอย่างน้อยก็ หนึ่งครั้ง เพราะโครงสร้างที่สมดุลเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก ผมเชื่อว่าศาสตร์ไคโรแพรคติกคือศาสตร์ทางการแพทย์ที่ไม่ว่าใครก็คงปฏิเสธไม่ ได้ว่ามีความสำคัญเพียงใด เพราะหากไม่มีศาสตร์ไคโรแพรคติก ผมคงไม่มีโอกาสได้เหรียญ
 
ไทเกอร์ วู้ดส์
ไคโร แพรคติกสามารถช่วยผมไว้ได้มากทีเดียวครับ ช่วงที่ผมต้องโหมฝึกกอล์ฟมากๆ หลังของผมก็เริ่มมีอาการปวดและทำให้ร่างกายอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ไคโรแพรคติกแพทย์ได้ทำการรักษาและช่วยผมไว้มาก เพราะนอกจากจะช่วยปรับโครงสร้างสู่สมดุลแล้ว ไคโรแพรคติกยังช่วยให้ผมได้ออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงทนทานแก่กล้าม เนื้อและโครงสร้างอีกด้วย ดังนั้น หากคุณเล่นกีฬาและต้องเคลื่อนไหวอยู่เป็นประจำ ไคโรแพรคติกคือศาสตร์ทางการแพทย์ที่ผมแนะนำครั
 
อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์
ผม พบว่าไคโรแพรคติกสามารถช่วยเพิ่มศักยภาพให้ผมมากทีเดียวครับ ผมคิดว่าการพบแพทย์ไคโรแพรคติกก่อนขึ้นสังเวียน เพื่อปรับโครงสร้างร่างกายนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นมากเพราะผมเชื่อ มั่นในศาสตร์ไคโรแพรคติกครับ การพบแพทย์ไคโรแพรคติกเพียง 3 ครั้งต่อสัปดาห์สามารถช่วยให้ร่างกายของผมมีสมรรถภาพดีขึ้นมาก ซึ่งถือเป็นหลักสำคัญสำหรับการชกมวยเลยทีเดียวครั
 
เอมเมทท์ สมิทธิ์
"การ ลงทุนเพื่อสุขภาพเป็นสิ่งที่ดีครับ" เอมเมทท์ สมิทธิ์กล่าวแก่ Forth Worth Star-Telegram ร่างกายก็เปรียบเสมือนรถยนต์นั่นล่ะ คือไม่ว่าบอดี้จะดูดีขนาดไหน แต่ความสมดุลโครงสร้างจะต้องมาก่อนเสมอ ผมเชื่อว่าหากเราดูแลร่างกายของเราให้ดีตั้งแต่วันนี้ สุขภาพที่ดีก็จะยังอยู่กับเราแม้ในวันที่เราแก่ตัวลงแล้วก็ตาม บางคนอาจจะยังไม่มั่นใจในศาสตร์ไคโรแพรคติกนัก แต่หากคุณได้เจอในสิ่งที่ผมเจอ และใช้ชีวิตอย่างที่ผมมี คุณจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าไคโรแพรคติกสามารถช่วย
 
เมล กิ๊บสัน
ด้วย รูปแบบการรักษาหลากหลายรูปแบบของไคโรเมด คลินิก ทั้งการรักษาด้วยศาสตร์ ไคโรแพรกติกโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับการทำกายภาพและการออกกำลังกายที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล และควบคุมอการเล่นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง ‘The Patriot’ และ ‘Braveheart’ ทำให้เมล กิ๊บสันต้องเจ็บตัวอยู่เป็นประจำ ‘ตอนแสดงภาพยนตร์ ร่างกายเราสามารถเกิดอการบาดเจ็บได้ตลอดเวลาครับ เพราะต้องวิ่งขึ้นลงเขาถึง 7-8 เทค และเกิดข้อเท้าพลิกได้ง่ายๆ’ นักแสดงคนดังเผยต่อ TV Guide Online ว่า ‘เราต้องมีไคโรแพรคติกแพทย์ประจำอยู่ที่กองถ่ายเรื่อง The Patriot เลยครับ เพราะเขาสามารถช่วยให้ข้อเท้าของเราคืนสู่ภาวะสมดุลได้ภายใน 15 นาที ในช่วงนั้นผมต้องพบผมเขา 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง ตั้งแต่ที่ลอสแองเจลลิสไปจนถึงเซาธ์ แครอลไลนา เขาอยู่กับกองถ่ายภาพยนตร์ตลอด เพราะบรรดานักแสดงแทนต้องให้เขาช่วยรักษาหมอนรองกระดูกให้ และเขาก็ทำได้ดีมากครับ น่าเหลือเชื่อจริงๆ
 
อาร์โนลด์ ชวาซเนคเกอร์ – ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย / มิสเตอร์โอลิมเปีย และนักแสดงชื่อดัง
ไคโร แพรคติกคือศาสตร์เพื่อสุขภาพและความแข็งแรง มีแนวคิดพื้นฐานด้านการบำบัดมาจากธรรมชาติในลักษณะการป้องกัน ซึ่งผมมีประสบการณ์ตรงมาตลอด 30 ปี ไม่ว่าสุขภาพของผมจะมีปัญหาหรือไม่ ผมจะไปพบแพทย์ไคโรแพรคติกอยู่เป็นประจำครับ เพราะการป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าเสมอ ปัญหาสุขภาพที่เคยมี ตอนนี้ก็ไม่มีอีกแล้ว ผมจึงสามารถบอกกับทุกคนได้เลยว่าไคโรแพรคติกช่วยผมได้อย่างไรบ้าง ไคโรแพรคติกเป็นศาสตร์ที่ทำการรักษาและป้องกันได้ดีมากจริงๆ สำหรับผู้ที่ชอบการเพาะกายและเล่นฟิตเนส การดูแลรักษาร่างกายให้อยู่ในสภาพดีและแข็งแรงอยู่เสมอนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ซึ่งผมพบว่าการผสมผสานระหว่างฟิตเนสและไคโรแพรคติก





Twitter Facebook GooGle Plus YouTube Favorites More

 
Design by WordPress Themes | Bloggerized by BidDeal - Premium Themes | 08 222 82 651